Forex กับ future เสี่ยงไปไหม? มีวิธีทำกำไรมากกว่าขาดทุนไหม ?

Last updated on June 8, 2022

Forex-กับ-future-เสี่ยงไปไหม-มีวิธีทำกำไรมากกว่าขาดทุนไหม

ในบทความนี้ ผมจะบอกเรื่อง Forex กับ future เสี่ยงไปไหม? มีวิธีทำกำไรมากกว่าขาดทุนไหม? และ ความแตกต่างระหว่าง forex กับ Futures ว่า forex คือ อะไร future คือ อะไร อีกด้วย

ความแตกต่างระหว่าง forex กับ Futures

ก่อนที่จะรู้ถึงความแตกต่างระหว่าง forex กับ Futures เรามาดูปัจจัยพื้นฐานของ 2 ตัวนี้กันก่อน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ความแตกต่างระหว่าง-forex-กับ-Futures

เทรด forex คือ อะไร ?

การ เทรด forex คือ การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งจะเทรดผ่าน Broker ที่เชื่อมผ่านตลาดโลก  โดยมีรายละเอียดที่ควรรู้ดังนี้

  • สามารถเทรดเล่นได้ทั้งขาขึ้นขาลง และสามารถเล่นทั้งขาขึ้นลงพร้อมกันได้ด้วย โดยเมื่อเล่นขาขึ้นเราจะใช้คำสั่ง Buy แต่เมื่อเล่นขาลงเราจะใช้คำสั่ง Sell
  • เทรดซื้อและขายสกุลเงิน 2 สกุลในเวลาเดียวกันได้ เรียกว่า ‘คู่เงิน’ เช่น EURUSD เป็นคู่เงินยูโร กับ เงินดอล
  • เปิดให้เล่น 5 วันต่อสัปดาห์ ตลาดจะปิดแค่ 1 ชม.ต่อวันเท่านั้น
  • เป็นตลาดการเทรดที่ใหญ่ที่สุด มีเงินหมุนประมาณ 5 ล้านๆดอลลาร์
  • มีคู่เงินให้เล่นหลักๆ 28 คู่
  • นอกจากสกุลเงินแล้ว การเทรดทอง ก็เป็นการเทรด Forex ที่นิยมกันมากในหมู่คนทั่วโลก
  • ใช้ Leverage ได้เท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับ Broker ที่ใช้

ถ้าให้เห็นภาพชัดๆ จริงๆแล้วสำหรับคนที่เก็บเงินต่างประเทศไว้กับตัวก็คล้ายๆเป็นการเทรด Forex เช่นกัน เช่น การที่คุณซื้อเงินดอลเก็บไว้ตอนราคา 25 บาท แล้วมาแลกคืนเป็นเงิน 40 บาท ก็ถือเป็นการเก็งกำไรในตลาดคู่เงินนั้นเอง เพียงแต่คุณต้องวิ่งไปซื้อเอง ขายเอง 

แต่สำหรับ Forex คุณแค่อยู่หน้าจอคอม คุณก็สามารถเก็งกำไรคู่เงินได้แล้ว

เทรด future คือ อะไร ?

การเทรด Future ในคริปโต คือ การทำสัญญาซื้อขายเหรียญคริปโตกันแบบล่วงหน้า โดยอิงตามมูลค่า ณ ตอนนั้น ถ้าให้พูดง่ายๆคือเมื่อคุณเริ่มเทรด สิ่งที่คุณจะได้คือสัญญามาใบนึงที่บอกว่าคุณได้ซื้อหรือขายเหรียญ ณ ตอนนั้นในราคาเท่าไร โดยมีรายละเอียดที่ควรรู้ดังนี้

  • การเทรด Future จะมีอยู่ 2 แบบ คือ การเทรดขาขึ้นใช้คำสั่ง Long และการเทรดขาลงจะใช้คำสั่ง Short 
  • จะเล่นทั้งขาขึ้นและลงได้นั้น ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชี และ Exchange ที่ใช้.
  • มีเหรียญให้เล่นมากกว่า 5000 เหรียญ
  • ตลาดเปิดให้เทรดตลอด 24 ชม. ไม่มีตลาดปิด
  • ใช้ Leverage ได้เท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับ Exchange ที่ใช้

Forex กับ future เสี่ยงเกินไปไหม? มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

ก่อนที่จะรู้ว่า Forex กับ future เสี่ยงเกินไปไหม นั้น ผมต้องบอกครับว่าไม่ว่าคุณจะเล่นตลาดการเงินไหนๆ มันเสี่ยงหมด ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นไทย ตลาดคริปโต ตลาดForex หรือแม้กระทั่งการทำธุรกิจก็ยังต้องเสี่ยง เสี่ยงที่จะลงเงินไปก่อนที่จะได้ผลกำไรจากธุรกิจกลับมา 

ทุกอย่างมีความเสี่ยงหมด แต่อยู่ที่ว่าความเสี่ยงไหนที่คุณจะเลือกยอมรับได้มากกว่าครับ

เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่า " Forex กับ future เสี่ยงเกินไปไหม " อันนี้อยู่ที่คุณเลยครับว่า สำหรับจริตของคุณตัวไหนจะเสี่ยงกว่ากัน

ซึ่งผมจะแจกแจงความเสี่ยงในแต่ละมุมให้คุณเห็น จากนั้นคุณค่อยตัดสินใจเลยครับว่าตัวไหนเสี่ยงกว่ากัน และตัวไหนน่าเล่นกว่ากัน ซึ่งความเสี่ยงของแต่ละมุมจะมี ดังนี้

ในตลาด-Forex-กับ-future-มีวิธีทำกำไรมากกว่าขาดทุนไหม

ความเหวี่ยงและความเสถียรของกราฟ

ในด้านความเหวี่ยงและความเสถียรของกราฟนั้น ในกราฟ Forex และ กราฟคริปโตใน Future นั้นมีความผันผวนพอๆกัน แต่ในด้านความเสถียรแล้วกราฟForex มักจะเสถียรกว่า กราฟคริปโต อยู่

แต่ไม่ว่าจะผันผวนมากแค่ไหน การเคลื่อนที่ขึ้นลงของกราฟมักจะเป็นไปตามกฏของกราฟเทคนิคอลเสมอๆ หากแม่นเรื่องกราฟแล้วคุณสามารถทำกำไรเป็นกอบเป็นกำจาก Forex หรือ คริปโตก็ได้

ระยะเวลาเปิดปิด

สำหรับคริปโตนั้นความเสี่ยงด้านระยะเวลาเปิดปิดจะไม่มี เพราะเปิดตลอด 24 ชม.ทุกวัน กลับกันหากคุณเทรด Forex เช่น พวกคู่เงินกับทอง แล้วมี Order ค้างข้ามวันเสาร์อาทิตย์ที่ตลาดปิด

ในระหว่างนั้น หากมีข่าวอะไรใหญ่ๆเกิดขึ้นมา...ตอนเปิดตลาดวันจันทร์กราฟมักจะกระโดดขึ้นลงตามข่าวจนทำให้เกิดการขาดทุนรุนแรงหรือกำไรอู้ฟู้ก็ได้ 

เพราะฉะนั้นการทิ้ง Order ในระหว่างตลาดปิดก็ถือเป็นดาบสองคม หากรับไม่อยากรับความเสี่ยงนี้ ก็แค่อย่าเหลือ Order ทิ้งไว้ก่อนตลาดปิดวันศุกร์ก็พอครับ

Broker และ Exchange ที่ใช้

สำหรับคริปโตนั้นเราจะเรียกกระดานเทรดว่า "Exchange" 

แต่สำหรับ Forex นั้นเราจะเรียกกระดานเทรดว่า "Broker"

ซึ่งความเสี่ยงในด้าน Broker และ Exchange ที่ใช้นั้นขึ้นอยู่กับว่า คุณใช้กระดานเทรดที่มีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน

เช่น ในการเทรดคริปโต คุณใช้ Bitkub ที่มี กลต ควบคุม หรือใช้ Binance ที่คนทั่วโลกยอมรับ  หรือ ในการเทรดForex คุณใช้ Exness ที่มีคนกว่า 70 ประเทศใช้ ก็แทบจะไม่มีความเสี่ยงที่จะโดน Broker และ Exchange ที่ใช้โกงเงินเราไปครับ

เทรดมานาน แต่พอร์ตไม่ไปไหน
เหมือนม้าหมุนวิ่งกลับมาที่เดิม ทำไงดี?

ค่า Spread หรือค่า Commission

สำหรับในเรื่องค่า Spread หรือค่า Commission แน่นอนว่าคุณต้องจ่ายมันทุกครั้งที่คุณเริ่มเทรด และมันไม่คงที่เสมอไป ซึ่งจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับ Broker และ Exchange และประเภทบัญชีที่คุณใช้

เช่น ผมชอบใช้ Exness ประเภทบัญชี Pro เพราะค่า Spread น้อยกว่ามากๆถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับประเภทบัญชี Standard

อีกเรื่องที่คุณต้องรู้ คือ หากคุณเทรดในช่วงตลาดเปิดหรือช่วงข่าวที่เป็นช่วงกราฟวิ่งแรงๆผันผวนมากๆ ค่า Spread และ Commission จะสูงตามไปด้วย แต่ถ้าคุณไม่เข้าเล่นช่วงนี้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่า Spread และ Commission เลยครับ

สภาพคล่องในการเข้าออก

สำหรับสภาพคล่องนั้น ไม่ว่าคุณจะเล่น Forex หรือ Future นั้น แทบไม่มีความเสี่ยงในเรื่องนี้เลย เพราะว่าปริมาณ Volume และ เงินที่หมุนเวียนอยู่ในสินทรัพย์พวกนี้ ค่อนข้างที่จะมหาศาลมากๆ

หากคุณไม่ได้ซื้อขายปริมาณเยอะๆเหมือนกองทุน ที่เวลาขายจะต้องทยอยขายถึงจะขายหมด ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยครับ

Leverage ที่ใช้

สำหรับความเสี่ยงเรื่อง Leverage นั้น ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเลยครับ

บางคนอาจไม่เข้าใจเรื่อง Leverage ผมจะอธิบายแบบง่ายๆให้คุณฟัง 

สมมุติว่า Broker หรือ Exchange ที่คุณเลือกเล่น ให้ Leverage มามาก เช่น 1:2000 แล้วคุณมีเงินทุนอยู่ที่ 1000 บาท นั้นหมายความว่าหากคุณใช้เต็ม Max เลย คุณสามารถซื้อขายสินทรัพย์ได้ในปริมาณ 1000*2000 = 2,000,000 บาท หรือ 2 ล้านบาท เลยทีเดียว

บางคนได้ฟังแบบนี้อาจจะว้าว แต่มันมีความเสี่ยงที่คนไม่รู้อยู่ นั้นเพราะความว้าว มักจะมาจากความไม่รู้เสมอ 

จริงอยู่ที่คุณอาจถือสินทรัพย์ เช่น ทองในราคา 2 ล้านได้ด้วยทุนที่มีอยู่จริงแค่ 1000 บาท

ถ้าเอาแบบคนโลกสวย ถ้าราคามันขึ้นไป 2 ล้าน 5 หมื่นบาท คุณจะได้กำไรมา 5 หมื่นบาท ด้วยเงิน 1000 บาท ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะมองที่จุดนี้เท่านั้น 

แต่หากราคามันลงไปเหลือ 1,999,000 บาท ซึ่งคุณคงคิดว่าลงไปนิดเดียวเอง ซึ่งถ้าเป็นกราฟทอง มันเหวี่ยงมากกว่านี้เป็นปกติอยู่แล้ว  นั้นเท่ากับว่าคุณขาดทุนไปแล้ว 1,000 บาท ซึ่งเท่ากับเงินทุนจริงที่คุณมี

ณ ตอนนี้เงินทุนของคุณได้ถูกตลาดเอาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรือที่เรียกกันว่า "พอร์ตแตก" ยังไงละครับ

ถ้าให้ผมสรุปง่ายๆก็คือ ยิ่งใช้ Leverage มากเท่าไร ความเสี่ยงและกำไรก็จะมากเป็นเงาตามตัวด้วยเช่นกัน

หากคุณมองแต่กำไรอย่างเดียว ใช้ Leverage มากเกินกว่าความเสี่ยงที่คุณรับไหว นั้นเรียกว่า "Overtrade" 

แต่หากคุณคำนวนความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ไว้ตั้งแต่แรก แล้วใช้ Leverage ที่พอเหมาะกับเงินทุนของคุณ Leverage ก็จะเป็นอาวุธหนักที่ใช้ทำกำไรให้คุณได้เป็นกอบเป็นกำในตลาด Forex และ Future เลยครับ

มือใหม่เทรด Future
ควรเตรียมตัวยังไงบ้าง?

จำนวนสินทรัพย์ที่เล่นได้

สำหรับเรื่องของจำนวนสินทรัพย์ที่เล่นได้ใน Forex และใน Future ของคริปโตนั้น ต้องบอกว่าเยอะมาก ความเสี่ยงในแง่มุมนี้ คือ การทำให้คุณ Focus หลุด ไม่รู้ว่าจะเล่นสินทรัพย์ไหนดี

เพราะแค่เหรียญคริปโตก็มีให้เล่น 5000 กว่าเหรียญแล้ว และใน Forex มีคู่เงินหลักๆตั้ง 28 คู่ ไหนจะมีให้เทรดทองและน้ำมันและอื่นๆอีก

แต่ถ้าคุณบีบให้ตัวเองเลือกเล่นแต่เหรียญที่น่าสนใจ หรือคู่เงินที่คนเล่นกันเยอะๆเท่านั้น คุณก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหลุด Focus อีกต่อไป

คนคุมตลาด

สำหรับเรื่องคนคุมตลาดเป็นเรื่องของทุนนิยม ใครมีเงินมากกว่าในสินทรัพย์นั้นๆ คนนั้นเป็นคนคุมตลาดนั้น

ถ้ามองในแง่ของ Future ในคริปโต ที่มีเหรียญให้เล่นถึง 5,000 เหรียญ มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆที่คนๆนึงหรือคนกลุ่มนึงจะกว้านซื้อเหรียญนั้นๆในปริมาณมากๆจนสามารถเป็นคนคุมราคาเหรียญนั้นได้

ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเหรียญมีม หรือเหรียญที่คนไม่ค่อยรู้จัก เป็นเหรียญปั่นที่สามารถ Rugpull ได้ใน 1 ชม. และนี่คือความเสี่ยงที่คุณจะต้องรับหากคุณไปเล่นเหรียญที่คนไม่นิยมเล่นกัน

แต่หากคุณเล่นเหรียญที่คนนิยมเล่นกัน เช่น เหรียญ btc , eth หรือเหรียญอื่นๆที่มี Market cap ในตลาดคริปโตเป็นมูลค่าสูงๆ ซึ่งมันเป็นไปได้ยากมากที่คนๆเดียวหรือคนกลุ่มเดียวจะสามารถกว้านซื้อเหรียญนั้นจนควบคุมราคาตลาดของเหรียญนั้นได้ คุณก็ไม่ต้องรับความเสี่ยงในเรื่องตรงนี้ไป

ทีนี้มามองในแง่ของ Forex กันบ้าง เช่นคู่เงิน และทอง สำหรับคนที่คุมตลาดนี้ ผมต้องบอกเลยว่าเป็นคนที่มีอำนาจมาก นั้นก็คือ ประเทศเจ้าของคู่เงินนั้นๆครับ เช่น คู่เงิน EURUSD คนที่คุมตลาดนี้อยู่คือ ยุโรปและอเมริกา ราคาจะขึ้นจะลงได้ขึ้นอยู่กับนโยบายระหว่าง 2 ประเทศนี้เท่านั้น ราคาจะวิ่งไปตามนโยบายและข่าวที่ออกมาเสมอๆ 

เพราะฉะนั้นการที่จะมีคนๆนึงหรือคนกลุ่มนึงเป็นคนคุมราคาคู่เงิน อยากให้ลงก็ลง อยากให้ขึ้นก็ขึ้น ตามใจตัวเองนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย จึงทำให้ตลาด Forex แทบไม่มีความเสี่ยงในด้านการมีคนคุมตลาดเลย

สรุปเรื่องความเสี่ยง

ถ้าให้สรุปสั้นๆง่ายๆเลยคือ ไม่ว่าจะเล่นในตลาด Forex หรือ Future ในคริปโต ความเสี่ยงจะมีหรือไม่มีนั้น เกิดจากทางเลือกที่คุณเลือกเสมอ และทางเลือกที่คุณรับได้กับไม่ได้เสมอ เช่น

  • หากคุณคิดว่าการเล่น Forex ข้ามอาทิตย์ตอนตลาดปิดเป็นความเสี่ยง คุณก็แค่ไม่ต้องถือ order ข้ามอาทิตย์ก็พอ
  • หากคุณเลือกใช้ Broker หรือ Exchange ที่น่าเชื่อถือ คุณก็จะไม่มีความเสี่ยงด้านนี้
  • หากคุณไม่เล่นช่วงข่าวหรือช่วงตลาดปิด คุณก็จะไม่มีความเสี่ยงด้าน Spread กับค่า Commission สูง
  • หากคุณใช้ Leverage ให้พอเหมาะกับทุนที่คุณมี ไม่โลภจนเกินไป แทนที่ Leverageจะเป็นความเสี่ยง มันก็จะกลายเป็นอาวุธหนักของคุณ
  • หากคุณไม่ไปเล่นพวกเหรียญคริปโตที่มี Market capน้อย หรือไม่ค่อยมีคนรู้จัก เรื่องที่คุณจะเสี่ยงโดน Rugpull หรือโดนปั่นราคาจนติดดอยยาวนั้นแทบจะไม่มีเลย

ยังเทรดแพ้ มากกว่าชนะ
อยู่ใช่ไหม?

ในตลาด Forex กับ future มีวิธีทำกำไรมากกว่าขาดทุนไหม ?

แน่นอนครับ ทั้งในตลาด Forex กับ future นั้นมีวิธีเล่นให้ได้กำไรมากกว่าขาดทุน หรือ ล้างพอร์ตด้วย ซึ่งข้อดีของการเล่น Forex กับ future นั้นคือ เล่นได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ไม่เหมือนกับหุ้นที่ต้องเล่นแต่ขาขึ้นเท่านั้น

และไม่ว่าจะเล่นด้วยข่าว หรือเล่นด้วยกราฟเทคนิค หรือเล่นด้วยอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมี Mindset การเทรดที่ดีก่อนเป็นอันดับแรกเลย หากเรื่อง Mindset ไม่ผ่าน การที่คุณจะได้กำไรจากตลาดการเงินเป็นกอบเป็นกำนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย

ซึ่งวิธีเล่นให้ได้กำไรหลักๆจะมีดังนี้

  1. หมั่นศึกษาหาความรู้ด้าน Forex กับ future ให้มากๆไว้ก่อน เข้าใจพฤติกรรมมันว่ามันมีกฏเกณฑ์ในการขึ้นลงยังไง ขึ้นเพราะข่าวแบบไหน ลงเพราะข่าวแบบไหน ทรงกราฟเป็นยังไง 
  2. เล่นตามเทรนเท่านั้น อย่าไปสวนเทรน เช่น trend เป็นขาขึ้น ก็ควรที่จะ Buy หรือ Long เท่านั้น

  3. หมั่นสร้างนิสัย ซื้อถูก ขายแพง เท่านั้น ไม่ไล่ราคา ถ้าไม่จำเป็น เช่น ตอนนี้กราฟเป็น ขาขึ้น อยู่ และราคากำลังวิ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

    สิ่งที่คุณต้องทำ คือ นั่งทับมือหรืออยู่เฉย ตั้งสติและท่องในใจว่าฉันจะไม่ไล่ราคา ฉันจะไปซื้อตอนที่ราคามันลงมาแล้วเท่านั้น เพราะคนที่ไปไล่ราคาส่วนใหญ่มักเป็นพวกชาวดอย ติดดอยอยู่ข้างบนเสมอๆ

  4. หยุดคิดที่จะ All in ได้แล้ว เราไม่รู้ชัวร์ๆหรอกว่ากราฟจะวิ่งขึ้นหรือวิ่งลง ถ้ามันวิ่งขึ้นตามที่คิดก็ดีไป แล้วถ้าวิ่งลง แล้วทำให้คุณขาดทุนหนักละจะทำยังไง?

    สิ่งนึงที่แปลกมากๆในตลาดนี้คือคนมักจะชอบ All in เพราะมองแต่กำไรเป็นหลัก แต่ถ้าคุณเผื่อใจซักหน่อย มีเงินทุนไว้แก้ไม้ตอนที่กราฟมันทำคุณขาดทุนแล้ววิ่งลงมาบ้าง คุณก็ยังมีสิทธิ์ชนะกำไรได้อยู่นะครับ

  5. หากผิดทางเมื่อไร ก็หนีให้ไวๆเลยครับ เมื่อไรที่กราฟลงมาหลุดแนวที่เป็นนัยยะสำคัญจริงๆ สิ่งที่คุณต้องทำ ไม่ใช่การถัว แต่เป็นการ Cutloss ตัดขาดทุนเพื่อป้องกันเงินทุนของคุณไว้ก่อนครับ

    วิธีนี้จะทำให้เมื่อคุณได้กำไรจะได้เยอะ แต่เมื่อขาดทุน คุณจะขาดทุนน้อยครับ

  6. มีระบบการเทรดที่ชัดเจน และทำตามอย่างเคร่งขรัด หากคุณใช้ใจเทรด ขาดทุนจะนำหน้ามาเสมอ แต่หากคุณเทรดแบบไร้ใจ ทำตามระบบที่คุณตั้งไว้ ไม่นานกำไรจะนำหน้ามาครับ

  7. เข้าใจว่า Mindset การเทรดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด นักเทรดแนวหน้าส่วนใหญ่ที่ได้กำไรสม่ำเสมอ พวกเขาไม่ได้มีเทคนิคแพรวพราวอะไรมากมาย ใช้เทคนิคง่ายๆ แต่มี Mindset ที่ดีที่ถูกต้อง ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาอยู่รอดในตลาดนี้ได้แล้วครับ

แหล่งที่มา : krungsri

Related Post

December 17, 2021

[IM] วิธีใส่ Indicator ในเครื่องมือ IM

December 3, 2021

สมัคร binance พร้อมวิธี ยืนยันตัวตน ไบแนนซ์ ง่ายๆใน3นาที 2021 [มีส่วนลด20%]

November 30, 2021

สอน วิธีเทรด binance future สำหรับการเล่นทำกำไรในขาขึ้น ขาลง ง่ายๆใน 10 นาที