สอน วิธีเทรด binance future สำหรับการเล่นทำกำไรในขาขึ้น ขาลง ง่ายๆใน 10 นาที

ในบทความนี้ ผมจะสอนเทคนิค วิธีเทรด binance future ให้ว่าคือการเล่นทำกำไรทั้งขาขึ้น ขาลงยังไง สิ่งที่ต้องรู้มีอะไรบ้าง เช่นเรื่อง Last Mark price , วิธีตั้ง stop loss , ค่าธรรมเนียมในfutures , คำสั่งต่างๆ เช่น stop limit ทั้งแบบ buy sell limit order , market order ซึ่งทั้งหมดนี้คุณต้องรู้ เพราะวิธีเทรด binance แบบ future นั้นมีความเสี่ยงอย่างมากครับ ไปดูกันเลยครับ

binance futures คือ

สำหรับ วิธีเทรด Binance Futures คือ การซื้อสัญญาที่แสดงถึงมูลค่าของคริปโทเคอร์เรนซีหนึ่ง ซึ่งขอให้จำไว้เลยว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีที่อ้างอิงเมื่อคุณซื้อสัญญา ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆเลยคือ...

คุณใช้เงิน $60000 ของคุณเพื่อซื้อสัญญาว่า ฉันมี btc ราคา $60000 อยู่ 1 เหรียญ แต่ในมือคุณไม่มีเหรียญ btc อยู่เลย เมื่อราคา btc ขึ้นไปที่ $60050

คุณก็เอาสัญญาเนี่ยไปแสดงกับคนซื้อว่าฉันมี btc อยู่ 1 เหรียญนะจะซื้อในราคาตอนนี้ไหม($60050) ซึ่งถ้าซื้อขายกันได้ คุณก็จะได้เงินมา $60050 ซึ่งก็กำไร $50 นั้นเอง

สำหรับคนที่ยังเป็นมือใหม่ ยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินเข้าไบแนนซ์ยังไง คุณสามารถเข้าไปดูวิธีการได้ ที่นี่

วิธี การ เล่น future binance กับ การเทรด Spot มีหลักการเล่นต่างกันยังไง

สิ่งที่ต่างกันชัดเจน ระหว่าง วิธี การ เล่น future binance กับ การเทรด Spot คือ

• การเทรด Spot คุณได้เหรียญคริปโตมา
• การเทรด Futures คุณได้สัญญามา 1 ใบที่แสดงมูลค่าของเหรียญคริปโตเท่านั้น
• การเทรด Spot คุณต้องใช้เงินเต็มจำนวนในการซื้อขายเหรียญคริปโต เช่น btc ราคา $60000 คุณก็ต้องใช้เงิน $60000 เพื่อให้ได้ btc มา 1 เหรียญ
• การเทรด Futures คุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวน แต่อาจใช้ leverage เพื่อให้คุณใช้เงินน้อยลง อาจจะ 10 เท่า หรือเรียกว่า 10x นั้นหมายความว่า คุณสามารถซื้อ btc ราคา $60000 โดยใช้เงินเพียงแค่ $6000 เท่านั้น ซึ่งเดียวเราจะมาคุยเรื่องนี้กัน
• เมื่อคุณเล่น Spot ผลลัพธ์ที่คุณจะได้มีอยู่แค่ 2 อย่าง คือ ติดดอย กับ กำไร ตราบเท่าที่คุณไม่ขายขาดทุน
• เมื่อคุณเล่น Futures ผลลัพธ์ที่คุณจะได้ คือ กำไร ขาดทุน และ port แตก

วิธีการตั้งซื้อขายใน Binance ทำยังไง

ก่อนที่คุณจะรู้ วิธีการตั้งซื้อขายใน Binance ทำยังไง คุณต้องรู้กลไก วิธีเทรด binance ใน Future ก่อน ซึ่งผมจะสมมุติว่าเรากำลังซื้อของสิ่งนึงอยู่ชื่อว่า bitcoin ซึ่งตอนนี้มีมูลค่าอยู่ที่ $60,000 ซึ่งมีคนขายอยู่ 2 คน มีกันคนละ 2 เหรียญbtc

แน่นอนครับว่าคนขายก็อยากจะขายแพงๆ
คนแรกจะตั้งราคาขายอยู่ที่ $60050
และคนที่2 ตั้งอยู่ที่ $60100

เพราะงั้นคนที่จะขายได้ก่อนคือคนแรก ซึ่งตรงนี้ผมขอให้คุณคิดว่า ราคาขายของคนแรก คือ ราคาตลาด(market price) ซึ่งก็คือ $60050
ซึ่งถ้าขายหมดแล้ว 2 เหรียญbtc คนที่ 2 ถึงจะมีโอกาสขายเหรียญของตัวเองในราคา $60100 ซึ่งราคานี้จะเป็น Market price ณ ปัจจุบัน

ทีนี้มาดูฝั่งคนซื้อ เขาก็ต้องการของราคาถูก จริงมั้ยครับ?
เมื่อไม่ต้องการของแพง เขาจะรับซื้อที่ราคาต่ำกว่าทุนอาจจะเป็น $59950ตรงนี้เราเรียกใน Binance ว่าLimit Order

ซึ่งเมื่อราคาไม่ Match กัน หรือพูดง่ายๆก็คือ ดีลราคากันไม่ลง ก็จะไม่เกิดการซื้อขายกัน
เพราะฉะนั้นจะเกิดการซื้อขายกันก็ต่อเมื่อ
- คนขายจะยอมขายในราคาที่คนซื้อตั้ง
- หรือ คนซื้อยอมซื้อในราคาที่คนขายตั้ง
- แต่ตรงนี้ครับจะมีกรณีที่ 3 คือ คนที่รับทุกราคาเลย คือ ถ้าเป็นคนซื้อก็รับของมาที่ราคาขายเลย ถ้าเป็นคนขายก็รับของที่ราคาซื้อเลย ซึ่งตรงนี้ในไบแนนซ์ เรียกว่า "Market order"

เมื่อเกิดการซื้อขายกัน มูลค่าของ btc ก็จะเปลี่ยนไปตามราคาซื้อขายกัน เช่น
ถ้ามีคนซื้อที่ราคาขาย $60050 มูลค่า btc ตอนนั้นก็จะเป็น $60050
ถ้ามีคนขายที่ราคาซื้อ $59050 มูลค่า btc ตอนนั้นก็จะเป็น $59050
มูลค่าของ btc อยู่ที่ราคาเท่าไร เราเรียกราคานั้นว่า "Last price"

ซึ่งนี้คือกลไกของ วิธีการตั้งซื้อขายใน Binance ซึ่งนอกจากที่ผมอธิบาย คุณยังต้องเข้าใจสิ่งต่อไปนี้ด้วย

เลเวอร์เลจ (Leverage)

สำหรับ วิธีเทรด binance future มีลักษณะพิเศษอย่างนึงซึ่งเรียกว่า เลเวอร์เลจ (Leverage) ซึ่งเป็นการเพิ่มความสามารถในการลงทุนให้สูงขึ้น เรามี leverage หลายแบบ เช่น 5x 20x 50x75x 125x แล้วแต่เราจะเลือกเลยในไบแนนซ์

สมมุติว่าคุณมีเงินทุนอยู่ $600 แต่ต้องการจะซื้อสัญญา btc ที่มีมูลค่า $60000 คุณก็ต้องใช้ 60000/600 =  100x คุณก็จะได้สัญญามา มันเป็น Function ที่เหมาะสำหรับคนทุนน้อย

แต่ในทางกลับกันมันก็เป็นดาบ2คม ในกรณีหากขาดทุนมากกว่าทุนของเรา อาจทำให้ถูกบังคับปิดสัญญา (Liquidate) ทันที หรือเรียกว่า พอร์ตแตกนั้นเอง

ผมจะอธิบายง่ายๆให้เข้าใจนะครับ 
สมมุติว่าคุณซื้อ สัญญา btc ที่มีมูลค่า $60000 ด้วยเงิน $600 
ทีนี้ ราคา btc มันดันร่วงลงไปเหลือแค่ $59400 นั้นหมายความว่าคุณขาดทุน $600 ถูกไหมครับ
แล้วถ้าราคา btc ลงไปเหลือ $59399 คุณจะขาดทุน $601

แต่คุณมีเงินอยู่ที่ $600 นั้นหมายความว่าคุณไม่มีเงินจ่าย $601 พอร์ตเลยแตก
ถ้าเป็น Exchange ที่ใจดีก็จะโทรมาบอกว่า เติมเงินด้วยนะ ถ้าไม่อยากให้ปิดสัญญา
แต่สำหรับไบแนนซ์ นั้น เมื่อขาดทุนเกินราคาที่ซื้อสัญญามา เขาจะปิดสัญญาทันที

ทีนี้ในไบแนนซ์ นั้น มีการเล่น leverage อยู่ 2 แบบ คือ

Cross Leverage

การเล่น Cross Leverage นั้นขอให้คุณคิดว่าคุณเล่นด้วยเงินทั้งหมดในกระเป๋า Futures นั้นหมายความว่า ถ้าคุณมีเงินอยู่ในกระเป๋า Futures อยู่ $600 แล้วคุณเล่น Futures จนติดลบ $400 (แต่ยังไม่ปิดสัญญา) นั้นหมายความว่าพอร์ตคุณยังไม่แตก คุณยังเหลือเงินให้สู้อยู่ $200 แต่เมื่อไรที่ติดลบเกิน $600 เมื่อไร นั้นคือจุดจบทันที

Isolated Leverage

การเล่น Isolated Leverage จะต่างออกไปจาก Cross Leverage ตรงที่ว่า มันเหมาะกับวิธีการเล่นแบบใช้ Leverage หนักๆ และเสี่ยงสูง เช่น 100x , 125x

ก่อนอื่นผมอยากให้คิดว่าคุณกำลังเล่นแทงขึ้น 100x อยู่ นั้นหมายความว่า ถ้าคุณเหรียญคริปโตวิ่งลงแค่ 1%
คุณจะติดลบทันที 100% ของเงินทั้งหมดที่คุณลงไป

สมมุติว่า ถ้าคุณมีเงิน $600 แล้วใช้เงินทั้งหมดแทงขึ้นด้วย 100x นั้นหมายความว่า กราฟวิ่งลง 1% คุณจะเสีย $600 แต่ถ้าคิดในทางกลับกัน ถ้ากราฟวิ่งขึ้นถูกทาง 1% คุณก็จะได้ $600 เป็นรางวัล ซึ่งมันค่อนข้างออกไปทางพนันซะมากกว่า เพราะเสี่ยงสุด

งั้นแล้วถ้าลงเงินไปแค่ 1% ของ พอร์ตละ จะเป็นยังไง?

เวลาคุณเสียคุณจะโดนแค่ $6 ถูกไหมครับ แต่ถ้ากราฟวิ่งถูกทางละคุณก็จะได้ $6 เหมือนกัน แต่แน่นอนคุณจะเอาแค่ 1% เหรอครับ? ก็อาจจะเอาซัก 5% ก็จะได้ $30 เป็นกำไร แถมยังได้ Status ทำกำไรได้ 500% อีกด้วย (ไอ้ภาพ status ที่เขาเอามา post ใน social media อะครับ)

สรุปคือ การเล่น Isolated Leverage เป็นการกำหนดกระเป๋าเงินว่าคุณยอมเสียที่เท่าไรเวลาคุณแทง เช่นคุณมี $600 แต่คุณไม่อยากเอาเงินทั้งหมดไปเสี่ยง คุณก็เล่น Isolated Leverage โดยกำหนดว่าคุณมีเงินอยู่แค่ $6 ซึ่งถ้าคุณขาดทุน คุณจะขาดทุนได้แค่ $6 ถ้าเกินกว่านั้นคือ พอร์ตแตก แต่แตกแค่ $6 เท่าที่คุณลงไปเท่านั้นเอง

วิธีเทรด binance ด้วยคำสั่ง buy/long

เมื่อคุณมองว่ามูลค่าของเหรียญคริปโตจะขึ้น คุณจะต้องใช้ คำสั่ง"เปิด" buy/long เพื่อแทงขึ้น และเมื่อคุณมองว่าราคาจะหยุดขึ้นแล้ว คุณถึงต้องใช้คำสั่ง"ปิด" Sell/short เพื่อทำกำไร

วิธีเทรด binance ด้วยคำสั่ง sell/short

ในทางกลับกัน เมื่อคุณมองว่ามูลค่าของเหรียญคริปโตจะลง คุณจะต้องใช้ คำสั่ง"เปิด" Sell/short เพื่อแทงลง และเมื่อคุณมองว่าราคาจะหยุดลงแล้ว คุณถึงต้องใช้คำสั่ง"ปิด" buy/long เพื่อทำกำไร

Perpetual Futures คือ อะไร

ใน วิธีเทรด binance Future นั้น คุณจะรู้ถึงความสุดยอดว่า Perpetual Futures คืออะไร ดียังไง คุณต้องรู้ก่อนว่าคำว่าสัญญา มันก็ต้องระบุด้วยว่าสัญญาที่ได้มานั้นมันมีหมดอายุที่วันไหนด้วย ซึ่งนั้นเป็นสัญญาทั่วไป อย่างในบ้านเราก็จะมีการเล่น TFEX ซึ่งก็เป็น Futures ประเภทนึงซึ่งจะหมดอายุทุกๆ 3 เดือน

แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถเปิดสัญญา Futures ไปได้ตลอดเสมอไป เมื่อมีการเปิดสัญญา ก็ต้องมีคู่ปิดสัญญาเช่นกัน เช่นถ้าคุณเปิดสัญญา Long 10x อยู่ จำเป็นที่จะต้องมีคู่ Sell 10x เปิดอยู่เช่นกัน นั้นหมายความว่า เมื่อไรที่ทุกคนที่เล่น 10x มองว่าตลาดเป็นขาขึ้น เขาจะปิดสัญญา Sell 10x ทิ้งทั้งหมด เมื่อไม่มีสัญญา Sell 10x อยู่ในตลาดไบแนนซ์ จะทำการปิดสัญยา Long 10x ของคุณทิ้งทันที

แล้วยังไง?
สมมุติว่าคุณเป็นคนเล่นสายยาว ยอมติดดอยนานๆเป็นเดือนๆได้ แล้วคุณมองว่าอีกแค่ 1 อาทิตย์เหรียญที่คุณเปิดสัญญา Futures จะวิ่งขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่ขึ้น ทำให้พอร์ต Futures คุณติดลบอยู่ แล้วจู่ๆไบแนนซ์ ปิดสัญญาคุณทิ้งหมดเลย ทำให้เงินคุณหายไป เนื่องจากติดลบอยู่ แล้วจากนั้นอีก 1 อาทิตย์ ราคาเหรียญมันวิ่งขึ้นไปจริงๆ คุณว่ามันจะเซ็งขนาดไหนครับ?

Quarterly Futures คือ อะไร

สัญญา Quarterly Futures คือ สัญญา Futures ปกติทั่วไปที่จะหมดอายุทุกๆ 3 เดือนครับ พอหมดอายุปุป สัญญาที่ทำไว้ของคุณจะถูกปิด ไม่ว่าStatusคุณจะกำไรอยู่หรือหรือขาดทุน เงินของคุณจะหายทันทีเมื่อสัญญาโดนปิด

Last price คือ อะไร

ราคา Last price คือ ราคาที่ซื้อขายกันอยู่ ณ ปัจจุบัน ซึ่งจะมีอยู่ใน วิธีเทรด binance แบบ Future เท่านั้น

Mark price คือ อะไร

ถ้าให้พูดตรงๆเลย ราคา Mark price คือ ราคาที่ไม่ Panic เหวี่ยงตามสภาพตลาดในทันที จะมีอยู่ใน วิธีเทรด binance Future เท่านั้น
 
อืมม! ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ คุณต้องรู้ก่อนว่า Panic คือการเหวี่ยงของราคาที่แรงมากๆ เช่นจู่ๆวาฬตัวแรกทุบราคา btc จาก $60000 ลงไป $50000 ในเวลา 1-2 วิ จากนั้นก็มีวาฬอีกตัวคอยรับของที่ราคา $50000 เช่นกัน รับของจนราคาวิ่งกลับไป $60000 ในเวลา 1-2 วิ เหมือนเดิม 

นี้เป็นปรากฏการณ์ที่ฆ่านักเทรดสาย Futures กันมานักต่อนักแล้ว

ลองคิดดูดีๆนะครับ
ถ้าพอร์ตที่เล่นสามารถรับการขาดทุนจากการที่ btc มูลค่าลดลง $5000 เหรียญ หรือมีมูลค่าเหลือ $54999 ละครับ พอเกิดปรากฏการณ์แบบที่เล่นข้างต้น พอร์ตของผู้เล่นคนนั้นจะแตกทันที ถูกไหมครับ?

ถ้าราคามันลงไป $50000 แล้วอยู่แถวๆนั้นต่อไปเป็นเวลานานๆก็คงไม่เซ็งเท่าไร แต่ถ้าจู่ๆพอร์ตแตก แล้วราคาเด้งกลับไป $60000 ที่เดิมละครับ? มันจะเซ็งขนาดไหน มันเหมือนเงินเสียไปฟรีๆเลยถูกไหมครับ

ตรงนี้แหละครับที่ Mark price จะมีประโยชน์มาก เพราะราคาจะไม่วิ่งตามราคา Last price ที่เหวี่ยงจาก $60000 ไป $50000 แล้วจากนั้นค่อยไป $60000 อีกรอบ

ราคา Mark price จะวิ่งช้าครับ มันจะแสดงเป็นราคาที่เสถียรที่สุด ณ เวลานั้น นั้นหมายความว่า เมื่อเกิดปรากฏการณ์ข้างต้น ราคา Mark price จะนิ่งอยู่ที่ $60000 ตลอดครับ มันทำให้พอร์ตของผู้เล่นไม่แตกฟรีครับ 

limit order คือ

สำหรับ วิธีเทรด binance ด้วยคำสั่ง Limit order คือ คำสั่งที่ใช้ซื้อหรือขายเหรียญคริปโตล่วงหน้าในราคาที่กำหนดเฉพาะเจาะจง แทนที่จะเป็นในราคาตลาด ณ ตอนนั้น เมื่อมูลค่าของเหรียญคริปโตถึงราคาที่กำหนด เราก็จะได้ซื้อหรือขายเหรียญในราคาที่เราต้องการกำหนด เช่น

• ตอนนี้ราคา btc อยู่ที่ $60500
• แต่คุณมองว่า ราคาน่าจะลงมาแถวๆ $60000 ก่อนที่จะทะยานขึ้นไป
• คุณก็แค่ตั้ง Limit Order ไว้ที่ราคา $60000
• ถ้าราคาลงมาที่ $60000 คุณก็ได้ของ และเอาไปทำกำไรได้เมื่อ btc ทะยานขึ้นไป
• ถ้าราคาไม่ลงมาที่ $60000 คุณก็ไม่ได้ของ ก็แค่ตกรถไป 
• แต่มีกรณีที่คนส่วนใหญ่จะใช้ limit order ผิดๆ คือ การตั้งราคาที่แพงกว่าราคาตลาด เช่น ไปตั้งซื้อ btc ที่ $60600 ซึ่งแพงกว่ามูลค่าในปัจจุบัน 
• ในกรณีนี้ ระบบจะซื้อ btc ให้ที่ $60500 แทนที่จะเป็นราคา $60600 ซึ่งเป็นราคาที่เรากำหนด

ซึ่งคำสั่ง limit order คือ คำสั่งที่วิเคราะห์กราฟไว้ล่วงหน้าว่าราคาน่าจะมีโอกาสมาที่ราคาที่กำหนดไว้ ซึ่ง limit order มี 2 ประเภท คือ

buy limit คือ

คำสั่ง buy limit คือ วิธีเทรด binance ด้วยคำสั่งการตั้งซื้อด้วยการกำหนดราคาของตัวเอง เช่น...

• มูลค่าบิทคอยน์ ตอนนี้อยู่ที่ $60000
• แต่คุณไม่อยากซื้อแพงที่ $60000
• คุณก็ตั้ง Buy Limit Order ไว้ที่ $59500 เพราะคุณต้องการซื้อราคาถูกๆ เวลาทำกำไรจะได้เยอะๆ
• คนขายก็จะต้องขายคุณที่ $59500 แทนที่จะเป็น $60000 ที่เป็นมูลค่าจริงๆ ณ ตอนนั้น
• แน่นอนว่าก็ไม่เสมอไปที่ถ้าคุณตั้งราคาที่ $59500 แล้วจะมีคนมาขายให้คุณ เพราะเขาก็ไม่อยากขายถูก
• กลับกันก็อาจมีคนอีกกลุ่มนึงที่ยอมซื้อแพงกว่าคุณโดยตั้งราคาให้สูงกว่าคุณเล็กน้อยเป็น $59600
• เมื่อมีคนเสนอซื้อราคาที่สูงกว่าคุณ คิวในประมูลการซื้อของคุณจะโดนผลักลงไปให้ซื้อได้ทีหลัง และคิวแรกที่ซื้อได้จะเป็นคนที่เสนอซื้อที่ $59600 แทน
• เมื่อคิวแรกซื้อของหมดแล้ว ก็จะกลายเป็นคิวของคุณที่เสนอซื้อในราคาที่ถูกกว่า 
• เพราะฉะนั้นบางทีก็อาจทำให้คุณไม่ได้ของก็ได้
• เพื่อเลี่ยงเหตุการณ์นี้ จึงต้องใช้ Market Order เข้ามาช่วยซื้อ

sell limit คือ

คำสั่ง Sell limit คือ คำสั่งการตั้งขายด้วยการกำหนดราคาของตัวเอง ตัวอย่างเช่น...

• มูลค่าบิทคอยน์ ตอนนี้อยู่ที่ $60000
• แต่คุณไม่อยากขายที่ $60000
• คุณก็ตั้ง Sell Limit Order ไว้ที่ $60500 เพราะคุณต้องการขายราคาแพงๆ จะได้กำไรเยอะๆ
• คนซื้อก็จะต้องจ่ายคุณที่ $60500 แทนที่จะเป็น $60000 ที่เป็นมูลค่าจริงๆ ณ ตอนนั้น
• แน่นอนว่าก็ไม่เสมอไปที่ถ้าคุณตั้งราคาที่ $60500 แล้วจะมีคนมาซื้อกับคุณ เพราะเขาก็ไม่อยากซื้อแพง
• กลับกันก็อาจมีคนอีกกลุ่มนึงที่ยอมขายถูกกว่าคุณโดยตั้งราคาให้ต่ำกว่าคุณเล็กน้อยเป็น $60400
• เมื่อมีคนเสนอขายราคาที่ต่ำกว่าคุณ คิวในประมูลการขายของคุณจะโดนผลักลงไปให้ขายได้ทีหลัง และคิวแรกที่ขายได้จะเป็นคนที่เสนอซื้อที่ $60400 แทน
• เมื่อคิวแรกขายของหมดแล้ว ก็จะกลายเป็นคิวของคุณที่เสนอขายในราคาที่แพงกว่า 
• เพราะฉะนั้นบางทีก็อาจทำให้คุณขายของไม่ออก
• เพื่อเลี่ยงเหตุการณ์นี้ จึงต้องใช้ Market Order เข้ามาช่วยขาย

Market Order คือ

การใช้ Function Market order คือ การที่เราส่งคำสั่งซื้อ/ขาย โดยเอาราคาของคนที่ตั้งขายเหรียญ ณ ตอนนั้นเลย เช่น  ตอนนี้มูลค่า btc อยู่ที่ $60000 แต่มีคนขายที่ราคาถูกที่สุดและดีที่สุดอยู่ที่ $60500

ซึ่งจะต่างจาก Limit Order ที่เราจะเอาของในราคาที่เรากำหนดไว้เท่านั้น

เมื่อคุณใช้คำสั่ง Market Order นั้นหมายความว่าคุณไม่สนว่าราคาจะแพงแค่ไหน ขอแค่ได้ btc มาก็พอแล้ว ไบแนนซ์ ก็จะหยิบราคา$60500 ที่ดีที่สุดมาให้ แม้ราคามันจะแพงแค่ไหนก็ตาม

stop limit binance คือ

คำสั่ง Stop limit binance คือ คำสั่งที่คล้ายๆกับ Limit Order แต่มีเงื่อนไขเป็นมูลค่าของเหรียญเป็นตัวกำหนดว่าจะทำงานไหม ซึ่งถ้าตรงตามเงื่อนไข คำสั่งก็จะถูก trigger หรือเริ่มทำงาน นั้นก็คือ ถ้าราคาเหรียญวิ่งมาที่ราคานี้ ก็ให้ออก Order ซะ ซึ่งผมจะอธิบายตัวอย่างเป็นลำดับๆให้นะครับ อย่างแรกเลย คือ...

• ราคา btc ณ ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ $60000
• คุณมองว่าราคายังสูงไป อยากได้ราคาที่ต่ำลงมาอีก
• คุณก็มองว่า ราคา btc น่าจะลงมาที่ $55000 ก่อนที่จะเด้งกลับขึ้นไป
• คุณก็ใช้ Stop limit order ของไบแนนซ์ ว่า ถ้าราคามาถึง $55000 ก็ให้ออก Order ตั้งซื้อในราคาที่อยากได้เช่น $54900 ก็ได้
• เมื่อราคา btc วิ่งลงมาที่ $55000 คำสั่ง Stop limit order จะถูกทำงานทันที
• จะมีการตั้งรับซื้อเหรียญของคุณอยู่ที่ราคา $54900
• ซึ่งราคาbtcอยู่ที่ $55000 ก็อาจไม่มีคนขายให้คุณที่ราคา $54900 แล้วราคาก็เด้งกลับขึ้นไปก็ได้
• แต่ถ้าคุณตั้งที่ $55000 ก็จะมีโอกาสที่จะมีคนขายให้คุณที่ราคานั้นเลยก็ได้

ลำดับการทำงานของคำสั่ง Stop limit binance คือ สิ่งที่คุณควรรู้ไว้ เพื่อจะได้เข้าใจเวลาเล่น

buy stop limit คือ

สำหรับคำสั่ง buy stop limit คือ คำสั่งที่จะออก Order ซื้อแบบกำหนดราคา(Limit order) ให้เมื่อราคามาถึงราคาที่เรากำหนด ซึ่งอาจฟังดูงงๆ ผมจะยกตัวอย่างลำดับการทำงานของมันให้ดู ดังนี้ 

• สมมุติว่า ราคา btc ณ ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ $50000
• คุณมองว่าราคามันสูงไป อยากช้อนราคาที่ต่ำลงมาอีก
• คุณก็ใช้ buy stop limit order วางแนวไว้ที่ราคา $49000
• และกำหนดราคาที่จะซื้อไว้ เช่น $49001 ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่ามูลค่าปัจจุบันเพื่อที่จะได้ลำดับคิวในการซื้อก่อนคนอื่น
• เมื่อราคามาถึง $49000
• ระบบจะออก Order ตั้งซื้อในราคาที่ $49001 ให้

สำหรับคำสั่ง buy stop limit คือ คำสั่งสำหรับการเข้าเล่นเพื่อให้ได้ราคาดีที่สุด

sell stop limit คือ

สำหรับคำสั่ง sell stop limit คือ คำสั่งที่จะออก Order ขายแบบกำหนดราคา(Limit order) ให้เมื่อราคามาถึงราคาที่เรากำหนด ซึ่งลำดับการทำงานมีดังนี้ 

• สมมุติว่า ราคา btc ณ ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ $50000
• คุณมองว่าราคามันยังขึ้นไปได้อีก อยากขายที่ราคาสูงๆเพื่อทำกำไรให้มากขึ้น
• คุณก็ใช้ sell stop limit order วางแนวไว้ที่ราคา $51000
• และกำหนดราคาที่จะขายไว้ เช่น $50999 ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า ณ เวลาที่มาถึง เพื่อที่จะได้ลำดับคิวในการขายก่อนคนอื่น
• เมื่อราคามาถึง $51000
• ระบบจะออก Order ตั้งขายในราคาที่ $50999 ให้

สำหรับคำสั่ง sell stop limit คือ คำสั่งสำหรับการทำกำไรเพื่อให้ได้กำไรมากที่สุดที่ต้องการ

Stop-market Order คือ

คำสั่ง Stop-market Order คือ คำสั่งที่เอา Stop limit Order มารวมกับ Market Order คือมีเงื่อนไขเป็นมูลค่าของเหรียญคริปโตเป็นตัวกำหนดเช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่าเมื่อคำสั่งถูกทำงานแล้ว เราจะไม่กำหนดว่าจะตั้งซื้อตั้งขายที่ราคาเท่าไร แต่จะรับของที่ราคาที่ดีที่สุด(Last Price) ณ ตอนนั้นเลย

Limit TP/SL Order (Strategy Order)

ใน วิธีเทรด binance นั้นคุณต้องรู้จักกับ Limit TP/SL Order ผมอยากให้คุณเข้าใจคำย่อพวกนี้ก่อนนะครับ

TP คือ Take Profit หรือ จุดทำกำไร นั้นเอง ในกรณีที่ถูกทาง
SL คือ Stop Loss หรือก็คือจุดคัท ยอมขาดทุน ในกรณีที่ผิดทาง

ซึ่ง Limit TP/SL Order คือการ Set ว่าจุดไหนเราจะ Take กำไร และจุดไหนเราจะคัทขาดทุนนั้นเอง ซึ่งคำสั่งนี้จะใส่ก่อน หรือใส่ทีหลังก็ได้ครับ แล้วแต่ว่าแผนที่เราวางไว้เป็นยังไง

Trailing stop order คือ

คำสั่ง Trailing Stop Order คือ การเลื่อนจุด take กำไร(TP) ขึ้นไปเรื่อยๆตราบเท่าที่ราคาไม่ร่วงเกิน % ที่เรากำหนด ซึ่งคำสั่งนี้จะเหมาะสำหรับคนที่กลัวขายหมูครับ ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆให้นะครับ

• เมื่อคุณเข้า Order และมองว่า Btc จะขึ้นไปที่ราคา $60500 แน่นอน
• คุณก็ตั้งจุด takr profit ที่ $60500
• แต่ปัญหาคือคุณก็ไม่รู้ว่าจะขึ้นไปอีก หรือราคาจะลงมาเลย
• ซึ่งถ้าราคาลงมาเลย นั้นหมายความว่า คุณขายได้ราคาที่ดีที่สุดไป
• แต่ถ้าไม่ลงมา แล้ววิ่งต่อละ ก็จะกลายเป็นว่าคุณขายหมู
• คุณก็เลยใช้คำสั่ง Trailing Stop Order ที่ 2%
• เมื่อราคาวิ่งเลย $60500 ไปเรื่อยๆโดยที่ราคาไม่ลงมาเกิน 2% ไบแนนซ์ ก็จะไม่ take กำไรให้คุณ
• เมื่อราคาวิ่งไปได้สักพัก อาจจะไปถึง $61000 แล้ววิ่งลงมา 2% ไบแนนซ์ จะtake กำไรให้คุณที่ราคาต่ำกว่า 2%นับจากราคา $61000

และนี้ก็เป็นลำดับการทำงานของคำสั่ง Trailing Stop limit Order ที่คุณควรรู้ไว้ครับ

วิธีตั้ง stop loss binance future

จากหัวข้อด้านบน ผมมีพูดถึง วิธีตั้ง stop loss binance future ไปแล้วแบบนึง นั้นก็คือ Limit TP/SL Order ซึ่งเป็นการตั้ง Stop loss ตั้งแต่ต้นเลย แต่มันก็มี วิธีตั้ง stop loss อีกแบบนึงซึ่งจะเป็นการตั้ง Stop loss ทีหลัง หลังจากที่เราออก Order ไปแล้ว ซึ่งมีวิธีการดังนี้

• หลังจากที่คุณออก Order ไปแล้ว
• คุณจะเห็น order list อยู่ด้านล่าง
• ถ้าเป็น desktop จะมีช่อง TP/SL อยู่
• ให้คุณใส่ราคาที่ต้องการ Stop loss หรือ take Profit ลงไป เท่านี้คุณก็ตั้ง Stop loss ได้แล้ว

ยกเลิกคําสั่งซื้อ binance ทำยังไง

การยกเลิกคําสั่งซื้อ binance นั้นง่ายนิดเดียว เมื่อคุณออก Order ไปแล้ว ก็จะมี Order list อยู่ด้านล่าง ซึ่งตรงด้านขวาของ list นั้นจะมีรูปถังขยะอยู่ ก็ให้คุณกดรูปถังขยะนั้นซะ เท่านี้ คำสั่งซื้อคำสั่งขายในไบแนนซ์ ก็จะถูกยกเลิกไปแล้ว

ดูประวัติการเทรด binance

ถ้าคุณต้องการ ดูประวัติการเทรด binance นั้น ดูง่ายมากครับ ในหน้า Trade ของไบแนนซ์ จะมี แถบ Menu ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น...

• positions เป็นแถบที่แสดงคำสั่งที่เปิดอยู่ ณ ตอนนั้น
• open orders แถบแสดงคำสั่งที่รอเปิดอยู่ ณ ตอนนั้น (แต่ยังไม่ได้เปิดนะครับ)
• Order History ประวัติการเปิด Order ย้อนหลัง มีระยะเวลาให้ย้อนได้ตั้งแต่ 1วัน(1 day), 1สัปดาห์(1 week), 1เดือน(1 months) และ 3 เดือน(3 months)
• Trade History ประวัติการเทรดย้อนหลังของคุณ ก็จะมีระยะเวลาให้ย้อนได้เหมือน order History
• Transaction History ประวัติการทำธุรกรรมย้อนหลังของคุณ มีระยะเวลาให้ย้อนได้เหมือน order History
• Assets แถบแสดงทรัพย์สินที่คุณมีอยู่

ค่าธรรมเนียม เทรด binance future

สำหรับ ค่าธรรมเนียม เทรด binance future นั้นจะแตกต่างจาก Spot อย่างมากเพราะเป็นแค่การซื้อขายสัญญากัน โดยถ้ามูลค่าการเทรดของคุณไม่ถึง 250btc เราจะมีการคิดค่าธรรมเนียมดังนี้ 

• ค่าธรรมเนียมสำหรับการเปิดสัญญาจะอยู่ที่ 0.04%
• ส่วนค่าธรรมเนียมสำหรับการปิดสัญญาจะอยู่ที่ 0.02%
• นั้นหมายความว่า หากคุณเปิดสัญญามูลค่า $60000 คุณจะเสียค่าธรรมเนียมอยู่ที่ $60000*0.04% = $24 ต่อการเปิด 1 ครั้ง
• และหากคุณปิดสัญญามูลค่า $60000 คุณจะเสียค่าธรรมเนียมอยู่ที่ $60000*0.02% = $12 ต่อการปิด 1 ครั้ง
• แต่ถ้ามูลค่าการเทรดของคุณเกิน 250btc แต่น้อยกว่า 2500btc ค่าธรรมเนียมการเปิดจะอยู่ที่ 0.04% เท่าเดิม แต่ตอนปิดจะเสียลดลงเหลือเพียง 0.016%

อีกอย่างนึงที่คุณต้องควรจำไว้เลยคือ หากคุณเปิดสัญญาทิ้งไว้ข้ามคืน มันจะมีการเสียค่า funding fee เพิ่มเติมทุกๆ 8 ชม.อีกด้วย

Funding Fee คือ

หลายคนอาจไม่รู้จักว่า Funding Fee คือ การชำระเงินเป็นงวดๆ งวดละ8ชม. ระหว่างนักเทรด โดยคำนวณจากค่าความต่างของราคาสัญญา Perpetual และราคา Spot ในตลาดทั้งหมด ดังนี้

หากตลาดช่วงนั้นเป็นตลาดขาขึ้น และมีคนเปิดสัญญา buy/long มากกว่า sell/short

• คนที่เปิดสัญญา Buy/long อยู่ จะเสียค่า funding Fee สูง
• คนที่เปิดสัญญา Sell/Short อยู่ จะเสียค่า funding Fee ต่ำ

หากตลาดช่วงนั้นเป็นตลาดขาลง และมีคนเปิดสัญญา sell/short มากกว่า buy/long

• คนที่เปิดสัญญา Buy/long อยู่ จะเสียค่า funding Fee ต่ำ
  คนที่เปิดสัญญา Sell/Short อยู่ จะเสียค่า funding Fee สูง

หลายคนอาจกังวลว่าจะต้องเสียเยอะไหม อันนี้เหมือนกับตอนแทงม้าเลยครับ เช่น มีคน 100 คนแทงว่าม้าตัวที่ 1 จะชนะตัวที่ 2 แต่มี 1 คน แทงว่าม้าตัวที่ 2 จะชนะ 

คน 100 คนก็จะเสียค่า Funding Fee สูง
แต่อีกคนที่เหลือจะเสียค่า Funding Fee ต่ำ

ซึ่ง Funding Fee ส่วนใหญ่จะไม่สูงนัก

เทรด future binance ขาดทุน ทำยังไงดี

สำหรับปัญหา การ เทรด future binance ขาดทุน ทำยังไงดี นั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอครับ อาจจะมาจากสาเหตุดังนี้

• เทรดด้วยการใช้อารมณ์ในการเทรด
• เข้า order ด้วยอารมณ์ FOMO(Fear of missing out) เพราะกลัวตกรถ
• ใช้ วิธีเทรด binance Future แบบไร้ความรู้เรื่องการลงทุน
• ไม่มีความรู้เรื่องกราฟเลย แม้เรื่องพื้นฐานที่ควรรู้ก็ไม่มี
• ไม่มีแผนในการเข้าออกที่ดี อยากออกก็ออก อยากเข้าก็เข้า
• ซื้อแพง ขายถูก
• โลภ ถึงจุด take กำไรแล้วก็ไม่เอา
• ซื้อตามข่าว
• ไม่มีเครื่องมือสัญญาณ trade ที่แม่นเกิน 80-90% เช่น IM Academy

ทั้งหลายทั้งมวลนี้ล้วนแต่ทำให้คุณขาดทุนได้ทั้งนั้น การจะทำกำไรในตลาดนี้ได้นั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมอยากจะให้คุณทำเป็นอย่างแรกเลย คือ...

• การหาความรู้ในเรื่องของการลงทุนเก็งกำไร ไม่ว่าจะเรื่องของกราฟ หรือ เรื่องของการมองพื้นฐานของสินทรัพย์นั้นๆ
• ถ้าคุณบอกว่าคุณไม่มีเวลา คุณก็ต้องหาเครื่องมือที่เป็นสัญญาณในการทำกำไรของสินทรัพย์นั้นๆ

ทั้งหมดนี้เพื่อให้คุณได้เปรียบในตลาดการลงทุนแห่งนี้ ซึ่ง IM ACADEMY ที่ผมบังเอิญได้เจอนั้น ให้ทุกอย่างที่ผมบอกมาข้างต้น

ไม่ว่าจะเป็นการให้สัญญาณเข้าออกทำกำไร , มี Golive สอนดูกราฟดูพื้นฐานของสินทรัพย์แต่ละตัว , มี Community ในไทยที่มีการสอนพื้นฐานการใช้เครื่องมือและกราฟ มีการพาเทรดสด และมี Project ปั้นพอร์ตจากหลักหมื่นไปเป็นล้านภายใน 1 ปี อีกด้วย

ซึ่งทาง IM Academy Thailand ก็มีกลุ่มสอน ที่คุณสามารถเข้าไปศึกษาได้ฟรีอีกด้วย!!
หากคุณสนใจ สามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่!!

แหล่งที่มา : บิทคับ , ไบแนนซ์ , !